เมื่อเปิดประเด็นขึ้นมาว่า “ทำไม Notebook ถึงให้ความรู้สึกในการทำงานที่ดีกว่าใช้ Desktop PC” หลายคนอาจจะมีข้อแย้งขึ้นมาในใจทันทีว่า “ก็มันคนละจุดประสงค์การใช้งาน ไม่เห็นจะยากเลย” มันก็ใช่ครับ แต่ทั้งนี้เรามาลองอ่านในอีกแง่มุมของการใช้งานจริงจากผู้เขียนกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
Notebook สมัยนี้มีสเปคเกือบเทียบเท่า Desktop PC ในราคาที่ไม่ห่างกันมากแล้ว
เรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไป เทคโนโลยีและการแข่งขันมันทำให้ผู้บริโภคอย่างเราได้ใช้อะไรที่ใหม่และสะดวกสบายมากขึ้น ฝั่งของ Notebook ที่เป็นรองมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสเปคภายใน การประมวลผล และหน้าจอแสดงผล แต่ในปัจจุบันสิ่งเหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นมาจนเทียบชั้นกับฝั่ง Desktop PC ได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะชิพประมวลผลกลาง ชิพกราฟิกการ์ด หรือหน้าจอ ก็ได้ของดีในราคาที่ไม่หนีกันมากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แถมบางรุ่นที่มีช่วงกระหน่ำ Sale ต้องบอกเลย มันได้ทุกอย่างครบครัน และคุ้มกว่าการจัดสเปคเองเสียอีก เพราะฉะนั้นมันจึงเหมาะกับการตัดสินใจซื้ออุปกรณ์สักเครื่องเพื่อมาทำงาน (อาจจะโดยในทันที) เพราะทุกอย่างถูกจัดเซ็ตมาให้เรียบร้อยพร้อมใช้งานได้แล้ว
ความรู้สึกในการพิมพ์แป้นพิมพ์ที่สบายมือกว่า
ส่วนข้อนี้หลายคนที่อาจจะเคยชินกับแป้นพิมพ์แบบ Full-size ของคอมพ์ฯ ตั้งโต๊ะ อาจจะเถียง และรู้สึกไม่ชอบกับ feel แป้นพิมพ์ของ Notebook เลย แต่จากประสบการณ์การใช้งานของผู้เขียนเอง แป้นพิมพ์ของ Notebook ที่เรียกว่า Chiclets นั้นให้ความรู้สึกที่สบายกว่าในแง่ของการพิมพ์และการวางข้อมือ เพราะตัวคีย์มันแบนราบ ไม่ได้ยกสูงเหมือนของคอมพ์ฯ ตั้งโต๊ะ ส่วนตัวบอดี้ของ Notebook เองก็ยังเป็นเสมือนฐานรองข้อมือให้เราวางมือนาบไปกับตัวเครื่องอย่างเป็นธรรมชาติ แถมการพิมพ์สัมผัสยังให้เสียงที่เงียบมากอีกด้วย ไม่สร้างความรำคาญแก่คนรอบข้าง (กรณีที่ต้องใช้งานในสถานที่ที่เงียบเป็นพิเศษ)
ส่วนการหยิบมาใช้งานบนตักที่มันก็ยังพอให้ความรู้สึกที่ “โอเค” เพราะองศาการวางแขนและข้อมือบนแป้นพิมพ์ของ Notebook มันค่อนข้างเป็นธรรมชาติตามสรีระ (นึกถึงท่านั่งเก้าอี้แล้วเอามือวางบนหน้าตักของเรา) ยกเว้นเสียแต่ Gaming Notebook ที่ทะลึ่งย้ายแผงแป้นพิมพ์ลงมาอยู่ด้านล่างจนชิดขอบ เพียงเพื่ออยากให้ “ดูเกมมิ่ง” และ “ช่วยระบายความร้อน” ทั้งที่ความเป็นจริง คุณจะใช้งานแป้นพิมพ์ลำบากกว่าเดิมเพราะคุณไม่มีพื้นที่ในการวางข้อมือเลยนั่นเอง ในกรณีแบบนี้คุณก็จะสูญเสียความสะดวกในการใช้งานจุดนี้ไปด้วยเช่นกัน
Notebook ปรับแสงสว่างหน้าจอได้สะดวกกว่ามาก ๆ
เมื่อพูดถึงแป้นพิมพ์ไปแล้ว ก็ต้องยอมรับกันจริง ๆ เสียทีว่าการปรับควบคุมแสงสว่างหน้าจอนี่ ฝั่งของคอมพ์ฯ ตั้งโต๊ะไม่สะดวกเอาเสียเลย ลองนึกภาพว่าถ้าคุณกำลังรู้สึกว่าตอนนี้แสงหน้าจอมันสว่างจ้ามากไป ตาเริ่มเบลอเพราะพื้นขาวของหน้าฟีดส์ Facebook คุณจะต้องเสียเวลากี่นาที ในการเอื้อมมือไปด้านหลังจอมอนิเตอร์ กว่าจะคลำหาปุ่มปรับลดแสงสว่าง ครั้นอยากจะกดคีย์ลัดให้ปรับเพิ่มลดแสงทันทีเลยก็ไม่ได้ แต่ถ้าสำหรับ Notebook นั้น คุณวางพักข้อมือบนแป้นพิมพ์อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว คุณก็แค่กดปุ่มคีย์ลัดเพื่อเพิ่มหรือลดแสงได้ทันที เรื่องนี้ดูผิวเผินอาจจะดูเหมือนเป็นเล็กน้อยที่พอมองข้ามได้นะ แต่ผู้เขียนเอง และอาจจะหลาย ๆ คนก็คงจะรู้สึกหงุดหงิดเรื่องนี้บ้างเหมือนกัน
ความสะดวกในการหยิบมาใช้งานได้ในทันที กับทุกสถานการณ์
เรื่องนี้ทุกคนทราบดีกันอยู่แล้วว่า Notebook จุดเด่นของมันที่คนต้องการใช้คือเรื่องของการพกพา แต่เราไม่ได้หมายถึงว่าจะต้องยกไปทำงานนอกสถานที่เสมอไป แต่เราหมายถึงการที่คุณสามารถยกตัวเครื่องไปใช้งานได้กับทุก ๆ สถานการณ์ เช่น การยกไปวางที่มุมโต๊ะสักที่ชั่วคราว การพรีเซนต์งานลูกค้า หรือการทำงานเป็นกลุ่ม
เชื่อว่ามีหลายคนเหมือนกันที่ใช้คอมพ์ฯ ตั้งโต๊ะในการใช้งานเป็นหลักอยู่แล้ว แต่เมื่อมีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปทำงานนอกสถานที่ หรือต้องพักค้าง การที่ต้องแบกเคสหนักเกือบสิบกิโลไม่รวมจอมอนิเตอร์อีก ไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกเลยนะ
สร้างแรงบันดาลใจจากการทำงานนอกสถานที่ได้ดีกว่า
หลายคนที่ไม่ได้มีประสบการณ์จะต้องยกเครื่องออกไปทำงานนอกสถานที่ ก็คงอาจจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้เสียทีเดียวว่า “การยก Notebook ไปนั่งทำงานที่สถานที่คนพลุกพล่านอย่างร้านกาแฟ มันจะไปหาแรงบันดาลใจ หรือหาไอเดียใหม่ ๆ ได้ยังไง?”
โดยส่วนตัวผู้เขียนเองแล้ว การหยิบ Notebook เครื่องเล็ก ๆ ไปนั่งร้านกาแฟ Starbucks แล้วสั่งกาแฟแก้วละร้อยกว่าบาท ไม่ได้ช่วยทำให้สมองปลอดโปร่งและคิดงานโลดแล่นไปกว่าเดิมหรอกครับ! แต่มันคือการที่ได้ออกไปพบเห็นโลกภายนอก เห็นผู้คน เห็นอะไรผ่านหูผ่านตาบ้าง มันเลยช่วยให้เรานึกถึงอะไรบางสิ่งเป็นตัวจุดประจาย (อย่างเช่นการเขียนเรื่องนี้) แล้วทำให้เราอาจจะเอาไปต่อยอดได้ (ถึงแม้บางสถานที่ก็ไม่ได้เงียบสงบมากนัก) หรือแม้กระทั่งการได้ตากแอร์เย็น ๆ พร้อมทานของอร่อยไปด้วย มันก็ทำให้เราลดความเครียดได้เหมือนกันนะ
แต่เมื่อเทียบกับบางวันที่ไม่ได้ออกไปไหน อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมเงียบ ๆ คนเดียว แล้วสั่งตัวเองให้เริ่มคิดงาน มันก็คิดอะไรไม่ค่อยออก ต่อให้นอนไถ Instagram หาแรงบันดาลใจทั้งวันก็เถอะ
เพราะสุดท้าย มันคือ Life Style ล้วนๆ
สำหรับหัวข้อนี้มันคือบทสรุปของผู้ที่เลือกใช้ Notebook ส่วนใหญ่เลย เพราะมันมีทั้งเรื่องของกิจวัตรประจำวัน บางคนไม่ชอบอะไรที่ดูยุ่งยาก ชอบพกพาไปทุกที่เพื่อที่จะเริ่มทำงานได้ทันที มีรสนิยมความชอบในดีไซน์หรือยี่ห้อที่ให้ความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้พกพาหรือใช้งาน และบางคนก็มีความรู้สึกว่า จะต้องทำงานบน Notebook เท่านั้น ถึงจะให้ความรู้สึกการทำงานที่แท้จริง (ให้ยกตัวอย่างผู้เขียนเอง มันเหมือนกับมี Desktop PC แรง ๆ อยู่แล้วเครื่องนึง แต่เลือกที่จะหยิบจอยเครื่อง Console ขึ้นมาเล่นมากกว่า เพราะมันให้อารมณ์ของการเล่นเกมมากกว่า)