สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน เราได้รับคำถามมาจากหลายท่านที่ได้ส่งเข้ามาทาง Facebook Page เกี่ยวกับเรื่องของหน้าจอ Refresh Rate สูงๆ อย่างเช่น 144Hz ว่าตัวเครื่องมันจะรับไหวมั้ย เพราะสเปคไม่ได้สูงนัก วันนี้เราจะมาอธิบายกันแบบคร่าวๆ ให้เข้าใจกันนะครับ
มันมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันมาอยู่สักพักแล้วว่า จอเล่นเกมระดับสูงอย่าง Refresh Rate 144Hz หรือมากกว่า จะต้องใช้กับเฉพาะเครื่องที่มีสเปคแรงพอสมควรเท่านั้น ซึ่งมันไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป การที่ไม่ว่าเครื่องคุณจะมีสเปคที่แรงหรือไม่นั้น คุณก็สามารถใช้จอที่มี Refresh Rate สูงขนาดไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น 60Hz, 120Hz, 144Hz, 240Hz หรือ 300Hz ก็ตาม ปัจจัยสำคัญมันอยู่ที่สเปคของคุณมันสัมพันธ์กับหน้าจอที่คุณใช้อยู่หรือเปล่า?

ถ้าหากคุณมีสเปคเครื่องที่แรงพอ ตัวเครื่องก็จะมีพลังมากพอที่จะขับเฟรมเรทให้สูงเพียงพอที่จะทำให้คุณเห็นความต่างในเรื่องของความลื่นไหลของคอนเทนต์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากเครื่องยังไม่แรงพอ เฟรมเรทที่ได้ก็อาจจะไม่สูงมากนัก ความลื่นของภาพก็จะน้อยลง สเปคที่เรามีมันจึงไม่สัมพันธ์กับหน้าจอที่รองรับ ซึ่งคำพูดที่ว่าเครื่องรันไม่ไหว อาจจะต้องตีความหมายประมาณว่า ไม่สามารถขับเฟรมเรทให้สูงได้เพียงพอกับจอที่สามารถรองรับได้ ไม่ได้หมายความว่าเครื่องรันไม่ไหวแล้วเครื่องจะพัง หรือจะร้อนไปกว่าเดิม มันไม่มีทางเป็นไปได้ครับ
ทีนี้เรามาพูดถึงในแง่ของการใช้หน้าจอ Refresh Rate 144Hz ในเครื่องที่มีสเปคไม่ได้สูงมาก (ซึ่งในบทความนี้เรารวมถึงกรณีของการเปลี่ยนจอโน้ตบุ๊กด้วย) ในส่วนของการใช้งานทั่วไป เช่น การสกอร์ลหน้าเว็บ ลากเม้าส์ไปมา หรือการหุบเข้าออกหน้าต่างนั้น จะแสดงผลที่ 144 FPS ตลอดเวลา จะทำให้เราเห็นความลื่นไหล ความเนียนตาของอนิเมชั่นที่เกิดขึ้นได้มากกว่าจอ Refresh Rate 60Hz อย่างชัดเจน (ลื่นกว่าประมาณ 2.4 เท่า) ที่ซึ่งมันไม่ได้ต้องการการประมวลผลอะไรเลย เช่น GTX 960M ใช้งานทั่วไปบนจอ 144Hz ก็จะเห็นความลื่นไหลในเกณฑ์เดียวกันกับ GTX 1060 อย่างแน่นอน
ในส่วนของการเล่นเกมนั้น บางคนถึงกับให้คำนิยามว่า “เปล่าประโยชน์” (Muda ;p) เพราะถ้าเครื่องของคุณขับเฟรมเรทได้ไม่มากพอ (บางเกม 60 FPS ยังจะเอาไม่รอด) คุณก็ไม่มีวันที่จะได้เห็นความไหลลื่นในระดับ 100-144 FPS อย่างแน่นอน กลายเป็นคุณอาจจะเสียเงินมาเพียงเพื่อแค่ให้รู้ว่า ตัวจอมันรองรับนะ! แต่แค่เครื่องฉันดันไม่ไหว (หรือบางคนแค่เอามาสกอร์ลหน้าเว็บขึ้นลงไปมา แค่นั้นก็คุ้มแล้ว อันนี้ก็ไม่ว่ากัน)
ปัจจัยหลักที่อาจจะทำให้เครื่องเราจะต้องประมวลผลหนักกว่าเดิมนั้น เราอาจจะต้องมองไปในส่วนของความละเอียดของหน้าจอมากกว่า ถ้ายกตัวอย่างในกรณีของการเล่นเกม หน้าจอที่มีความละเอียดแบบ Full HD 1920×1080 ย่อมขับเฟรมเรทได้ดีกว่าหน้าจอที่มีความละเอียดที่สูงกว่า หรือแบบ 4K UHD 3840×2160 อย่างแน่นอน เพราะนั่นหมายความว่า CPU GPU จะต้องเรนเดอร์หนักกว่าเดิมถึง 4 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งเวลาที่คุณปรับ Setting ในเกมนั้น ให้ลองปรับลด Resolution ให้ต่ำลงมา แม้เพียงนิดเดียว แต่รับรองว่าเฟรมเรทจะสูงขึ้น และเห็นผลได้ดีกว่าการปรับลดกราฟิคพวกแสงเงาอย่างแน่นอน (แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเกมด้วยนะครับ)

ข้อเสียจริงๆ ของการใช้หน้าจอ Refresh Rate สูงๆ อย่าง 144Hz นั้น อาจจะไม่ใช่เรื่องของเครื่องประมวลผลไม่ไหว แต่จะเป็นเรื่องของการกินกำลังไฟที่เพิ่มมากกว่านั่นเอง โดยเฉพาะกรณีของโน้ตบุ๊กที่จะมาเปลี่ยนจอเป็น 144Hz นั้น ควรจะมองไปที่เรื่องของการใช้งานบนแบตเตอรี่ที่อาจจะทำให้มีการกินแบตมากขึ้น ต้องพึ่งพาการชาร์จตลอดเวลา โดยก่อนจะมาเปลี่ยนจอใหม่นั้น เราแนะนำว่าให้เช็คตัวแบตเตอรี่ว่าอยู่ในสภาพปกติดี ไม่เสื่อม หรือมีอาการแบตบวม ส่วนสเปคที่แนะนำจริงๆ ควรจะเป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่ใช้ CPU ตระกูล H, HQ ขั้นต่ำที่ gen 6 ขึ้นไปจะดีกว่า อ่านบทความจอโน้ตบุ๊ก 144Hz
ส่วนใครที่อยากหาความรู้เรื่องของ Refresh Rate เพิ่มเติม ลองคลิกเข้าไปอ่านที่โพสต์นี้ได้เลย มีเพื่อนสมาชิกเราได้มาเขียน comment นิยามกันเยอะไว้เยอะแยะ
Laptop & Display Calibration / Writer / Owner และทำทุกสิ่งอย่างในนาม RIPS COMP